วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ผู้อยากประสบความสำเร็จ

โดย ออรัล โรเบิร์ต
ที่มา หนังสือ ชีวิตที่เหลือเชื่อ

ครั้งหนึ่ง มีเด็กหนุมคนหนึ่ง (ผมจะเรียกเขาว่า จิม ) ผู้ต้องการประสบความสำเร็จ แต่เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จิม รู้จักชายชราคนหนึ่งในเมืองนี้ ( มร.สมิธ) ผู้ซึ่งมีอิทธิพลที่สุด ร่ำรวยที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุด และเขาอยากพบกับสภาพบุรุษชราอย่างมาก
วันหนึ่ง เมื่อมาถึงจุดตกปลาที่เขาชอบที่สุด จิมเห็น มร.สมิธ กำลังตกปลาอยู่ใกล้ๆ
เขาจึงเดินเข้าไปหา และพูดว่า " มร.สมิธ ผมชื่อจิม ผมตกปลาข้างคุณได้ไหมครับ "
มร.สมิธตอบว่า พ่อลูกชาย นั่งลงตรงนั้นแหละ และเป็นแขกของผม
ครู่หนึ่งผ่านไป จิมจึงพูดขึ้นว่า " ท่านครับ ผมอยากจะประสบความสำเร็จมาตลอดชีวิต และท่านเป็นผู้ชายคนเดียวที่ประสบความสำเร็จที่ผมได้พบ ท่านบอกผมได้ไหมครับว่า ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ?"
ชายชราตอบว่า " ได้ ยืนขึ้นสิ " เขาผลักจิมตกไปในน้ำ คว้าผมของเขาขึ้นและกดลงไปอีก
ชั่วแวบหนึ่ง มร.สมิธ ดึงหัวจิมขึ้นมา เมื่อเด็กชายพยายามที่จะหายใจแล้วก็กดหัวของจิมลงใต้น้ำอีก ดึงเขาขึ้น และดูเขาขณะที่เขาพยายามจะหายใจ
ครั้งที่3 มร.สมิธกดจิมลงไป และกดเขาไว้เช่นนั้น กระทั่งรู้ว่าควรจะเอาเด็กชายขึ้นมาไม่เช่นนั้นเขาจะจมน้ำตาย เมื่อจิมขึ้นมา เขาพยายามหายใจ มร.สมิธ พูดกับเขาในที่สุดว่า " พ่อลูกชาย หนูรู้ไหมว่า หนูต้องการลมหายใจเฮือกสุดท้ายนั้นมากขนาดไหน เมื่อหนูต้องการความสำเร็จเหมือนที่ต้องการลมหายใจเฮือกสุดท้ายนั้น หนูจะประสบความสำเร็จ "

อินทรีทะยานฟ้า

ที่มา เว็บไซต์ http://www.thaisermons.com/
นกอินทรีเป็นสัตว์เลือดอุ่น ประเภทสัตว์ปีกที่มีขนาดใหญ่ มีโครงสร้างทางกายภาพที่แข็งแรง ประกอบด้วยโครงกระดูก กล้ามเนื้อ ส่วนต่างๆ ขนและกรงเล็บเป็นหลัก จัดอยู่ในประเภทนกที่ล่าเหยื่อเป็นอาหาร ปีกและหางกว้าง จะงอยปากงองุ้มเป็นตะขอ
อินทรีมีลักษณะสวยงาม แข็งแรง สายตาคม บินเร็ว โจมตีได้อย่างแม่นยำ มองเห็นเหยื่อได้แต่ไกล มีเพดานบินตั้งแต่ที่ราบจนถึงความสูง 2100 เมตร ส่วนใหญ่จะมีสีเข็ม สร้างรังบนหน้าผาที่สูงชัน นกอินทรีมีหลายชนิด เช่น อินทรีทะเลสเตลเลอร์ อินทรีหัวล้าน อินทรีหัวขาว อินทรีฮาพี อินทรีสีทอง (ที่มา : วิกพีเดีย สารานุกรมเสรี)
นกอินทรีมีอายุยืนยาวนานที่สุดในบรรดาสัตว์ปีก มันสามารถมีชีวิตได้นานถึง 70 ปี แต่ก่อนที่มันจะอยู่ได้นานถึงขนาดนั้น นกอินทรีจะต้องต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เมื่อมันอายุได้ 40 ปี ตอนนั้นกรงเล็บที่แหลมคมและยืดหยุ่นของมันจะไม่สามารถจับสัตว์ได้อีกต่อไป จะงอยปากเริ่มโค้งงอมาก จิกเนื้อยาก จะมีปีกหนาและขนหน้าอกดกหนา ทำให้มันบินขึ้นลำบากมาก มันจึงมาถึงจุดทางตัดสินใจเลือกว่าจะยอมตายหรือมีชีวิตอยู่ต่อไป
เมื่อนกอินทรีตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ มันก็จะบินขึ้นไปยังภูเขาสูง เพื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 150 วัน ใช้จะงอยปากเคาะกันก้อนหินครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งหลุด แล้วปากก็งอกขึ้นมาใหม่ ในขณะเดียวกันกรงเล็บก็จะหลุดลอกออก แล้วงอกขึ้นมาใหม่และมีพลังยิ่งกว่าเดิม มันจะเริ่มใช้ปากและกรงเล็บถอนขนที่ดกและหนาออกทีละน้อยๆ
หลังจาก 5 เดือนผ่านไป นกอินทรีก็โผทะยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง พร้อมกับร้องเสียงดังก้องเวหาสะท้านไปไกล เป็นการประกาศว่า “ข้าได้กำเนิดใหม่แล้ว” และจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 30 ปี (ที่มา :บทเรียนจากชีวิตของนกอินทรี The Church of Christ in Thailand)
พระคัมภีร์หลายตอนกล่าวถึง “นกอินทรี” และเปรียบเทียบ
1.พระเยซูคริสต์มีพลังอำนาจดุจนกอินทรี (อสค. 1:10, 10:14, ดนล. 7:4)
2. เงินมีปีกเหมือนนกอินทรี ทรัพย์อนิจจังนี้มันจะบินหนีไปในท้องฟ้า (สภษ. 23:5)
3. ในยามที่ต้องเผชิญปัญหาและความทุกข์ยาก พระเจ้าทรงเทิดชูผู้ที่เชื่อดังด้วยปีกของนกอินทรี ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี (อพย.19:4)
4. คริสเตียนที่รอคอยพระเจ้า “พระองค์ประทานกำลังแก่คนแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง แม้คนหนุ่มๆจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลง แต่เขา ทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้า จะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและ ไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย” (อสย. 40:29-31)
5. พระเจ้าจะทรงให้ผู้เชื่อเต็มด้วยพระพรฝ่ายจิตวิญญาณ “ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของ ท่าน วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี” (สดด. 103:5)

นิทานนกอินทรี

ที่มา เว็บไซต์ http://www.thaisermons.com/
มีเรื่องเล่าถึงชาวไร่คนหนึ่ง ขณะเดินอยู่ที่ตีนเขา ก็ได้พบไข่ของนกอินทรีฟองหนึ่งตกลงมาจากรังแต่ยังไม่แตก เขาจึงเก็บเอาไปที่ไร่ให้แม่ไก่ที่กำลังกกไข่ของมันลองฟักดู ในไม่ช้า แม่ไก่ก็ฟักจนลูกนกอินทรีออกมาจากไข่พร้อมๆกับลูกของมัน ลูกนกอินทรีทองจึงเติบโตขึ้นพร้อมกับพวกลูกไก่ มันจะเดินตามแม่ไก่และส่งเสียงร้องเหมือนลูกไก่ มันจะหัดคุ้ยเขี่ยหาอาหาร พวกแมลงและใส้เดือนไปตามเรื่อง พอโตมาหน่อยลูกนกอินทรีทองก็ขยับปีกได้เช่นไก่กระทงทั้งหลายที่พยายามหัดบินแต่มันก็สามารถบินได้เพียงเรี่ยไปพื้นดินเหมือนกับพวกพี่น้องไก่ของมัน วันหนึ่ง ขณะที่นกอินทรีทองกำลังเติบใหญ่ และกำลังคุ้ยหาเศษอาหารอยู่ที่พื้นดิน มันก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและมองเห็นนกอินทรีตัวใหญ่บินถลาร่อนอยู่ในบนเวหาสีคราม แม้ว่าสายลมค่อนข้างแรงแต่มันก็ไม่สะทกสะท้าน กลับกางปีกสีทองออกสะท้อนกับแสงตะวัน สวยงามและน่าประทับใจยิ่งนัก “แม่เจ้าโว้ย...ช่างสง่างามอะไรเช่นนั้น” นกอินทรีหนุ่มตะโกนบอกพวกไก่ พร้อมกับชี้ไปท้องฟ้าและถามว่า “ใครรู้บ้างว่านั่นเป็นตัวอะไร?” “นั่นคือเจ้าแห่งฟากฟ้า เป็นพญานกอินทรีทอง” ไก่หนุ่มตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ร้องตอบ “พญานกอินทรีย่อมอยู่บนฟากฟ้า...ส่วนเราเป็นแค่ไก่กระจอกๆ มีสิทธิแค่เดินอยู่บนดิน อย่าสะเออะโบยบินเหินหาวเลย” นกอินทรีทองจึงกลายเป็นไก่ นานวันเข้าก็แก่ตัวลงอย่างไก่ และสุดท้ายก็ตายไปอย่างไก่ เพราะตัวมันเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นไก่! (ที่มา : นิทานเซนเรื่อง นกอินทรี โดย นพ.ประสาน ต่างใจ จากเว็บของ Google)

บทเรียน จากพระคัมภีร์ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้น พระองค์ตั้งพระทัยที่จะให้มนุษย์เป็นอมตะ และมีอำนาจในการปกครองสรรพสิ่งบนพื้นโลก (ปฐก. ๑.๒๘) แต่เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า กบฎและทำความผิดบาป เขาก็ตกจากฐานะและสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง (ปฐก. ๓) แต่เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ได้มาหาพระเยซูคริสต์ กลับใจ บังเกิดใหม่ ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด มนุษย์ได้คืนฐานันดรอีกครั้ง และกลับมีพลังอำนาจเหมือนเดิม แต่ก็มีคนจำนวนมากที่เชื่อในพระเยซูแล้วแต่กลับไม่ตระหนักถึงพลังอำนาจที่ได้รับมา เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นนกอินทรี แต่ยังคงคิดว่าตนเองเป็นเพียงไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น พระคัมภีร์บอกถึงฐานะที่แท้จริงของคริสเตียนดังนี้ “แต่บรรดาผู้ที่รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความหวัง จะฟื้นกำลังขึ้นใหม่ เขากางปีกทะยานขึ้นเหมือนนกอินทรี พวกเขาจะวิ่งไปโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาจะเดินไปโดยไม่อ่อนระโหยโรยแรง” (อสย. 40:31) “เช่นนี้แล้วเราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครเล่าจะต่อสู้เราได้” “ในสถานการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เราเป็นยิ่งกว่าผู้พิชิต โดยทางพระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย” (รม. 8:31,37)

พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว

ที่มา เว็บไซต์ http://www.thaisermons.com
คริสเตียนมีเทศกาลใหญ่ๆอยู่สองเทศกาลคือ เทศกาลคริสตมาส และเทศกาลอีสเตอร์ แต่คนส่วนมากจะรู้จักเทศกาลคริสตมาส เพราะมีการเฉลิมฉลองที่สนุกสนานตื่นเต้น ส่วนเทศกาลอีสเตอร์พวกเขาบอกว่า เป็นช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้ามากไป
โดยปกติคนจะฉลองวันเกิด ไม่ฉลองวันตาย แต่สำหรับเทศกาลอีสเตอร์นั้นเป็นการฉลองที่พระเยซูเสด็จออกมาจากหลุมฝังศพ เป็นการฟื้นคืนพระชนม์ซึ่งแสดงชัยชนะต่อความตายและผีมารซาตาน และประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง อีสเตอร์ (Easter, Easter Day, Easter Sunday) ซึ่งมักจะตรงกันวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี
เทศกาลฟื้นคืนพระชนม์
ยอห์น 19:38-42 เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่โทษบาปของมวลมนุษย์ พระศพถูกนำเอาไปฝังไว้ในอุโมงค์ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ จนกระทั่งถึงเช้าวันอาทิตย์ แล้วพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา ยอห์น 20:9 พวกสาวกของพระเยซูไม่เข้าใจคำที่เขียนไว้ว่า “ข้อพระธรรมที่เขียนไว้ว่า พระองค์ต้องฟื้นขึ้นจากความตาย มารีย์คิดว่าพระเยซูตายแล้วตายลับ (ข้อ 11-12) เหมือนความคิดของคนไทยที่บอกถึงการตายว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น”
ประการแรก มารีย์คิดว่าพระเยซูตายและไม่พื้น เพราะเธอได้ร้องไห้อย่างมากมาย
ประการที่สอง เธอก้มมองลงไปที่อุโมงค์ฝังพระศพด้วยความหมดหวัง และประการสุดท้าย เธอมีสายตาฝ้าฟางและมองเห็นไปว่า พระเยซูทรงเป็นเพียงคนทำสวน
บทเรียน :
1.พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระชนม์อยู่ มิใช่เป็นพระเจ้าที่ตายแล้ว
2. ในโลกนี้มีศาสนาและศาสดามากมาย มีคำสอนดีๆล้วนน่ายกย่องและปฏิบัติ แต่ศาสดาเหล่านั้นได้ตายไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่คำสอนที่ขาดฤทธิ์อำนาจ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถประพฤติและปฏิบัติตามได้
3. พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ดังนั้น คนเป็นเท่านั้นที่สามารถช่วยคนเป็นได้ คนตายไปแล้วจะช่วยเหลือใครไม่ได้เลย (แม้แต่ตัวเอง)
เทศกาลแห่งความยินดี
ยอห์น 20:20 “เมื่อพวกสาวกเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็มีความยินดี” โดยปกติสิ่งที่เรามีอยู่ไม่ค่อยมองเห็นคุณค่า จนกว่าจะสูงเสียมันไป พวกสาวกก็เช่นเดียวกัน พวกเขาเพิ่งจะเห็นคุณค่าของการสูญเสีย เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์ จะเห็นว่าพวกเขาร้องไห้ โศกเศร้า หวาดกลัวและหมดหวัง
แต่เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เสียงร้องไห้กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะ ความโศกเศร้ากลายเป็นเรื่องของความชื่นชมยินดี ความมืดมิดฝ่ายวิญญาณกลายเป็นความสว่างไสว และความสิ้นหวังก็กลับมาเป็นความหวัง
“ความชื่นชมยินดี" ในภาษากรีก คือ chairo ในพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานแปลคำนี้ว่า overjoyed ซึ่งไม่ใช่ความยินดีแบบธรรมดาๆ แต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ปลาบปลื้มอย่างเหลือพรรณนาได้
ข้อคิด :
ประการแรก ผู้เชื่อควรจะมีท่าทีอย่างไรต่อเทศกาลอีสเตอร์
ประการที่สอง ถ้าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายจริงๆแล้ว จงสังเกตดูที่ใบหน้าของพวกคริสเตียน
ท่าทีต่ออีสเตอร์
(1) การเสาะแสวงหา
“นางก็วิ่งไป” (ยน. 20:2) “เขาทั้งสองก็วิ่งไป...แต่คนนั้นวิ่งไวกว่า” (ยน. 20:4) คำถามก็คือพวกเขาวิ่งไปไหนกัน? พระคัมภีร์บอกว่าพวกสาวกพากันวิ่งไปที่อุโมงค์ฝังศพเพื่อจะนมัสการพระเยซูผู้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ในทำนองเดียวกัน อีสเตอร์นี้ขอพระเจ้าทรงช่วยพวกเราคริสเตียนทั้งหลายให้มีความกระตือรือร้นที่จะเสาะแสวงหาพระเยซูและนมัสการพระองค์ อาจารย์เปาโลบอกว่า ข้าพเจ้าโน้มตัวออกไปข้างหน้า เพื่อจะได้พระเยซู (ฟป. 3:13) ผู้เขียนฮีบรูกล่าวว่า ให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายามหมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ (ฮบ 12:1-2)
(2) บอกข่าวดี
“มารีย์ก็วิ่งออกไปบอกข่าวการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์แก่คนอื่นๆ” (ยน. ๒๐.๑๘) และเธอได้ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” เธอได้เล่าเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นให้แก่คนอื่นๆฟัง
บทเรียน :
-เทศกาลอีสเตอร์เป็นช่วงเวลาที่เราคริสเตียนจะประกาศข่าวดีให้แก่คนอื่นๆได้ทราบ
-ขอให้ตระหนักว่า พระเจ้าทรงใช้พระเยซูมาฉันใด พระเยซูก็จะทรงใช้เราไปฉันนั้น (ยน. 20:21)
สรุป
อีสเตอร์เป็นเทศกาลฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เป็นเทศกาลแห่งความชื่นชมยินดี
เป็นเทศกาลแห่งการเสาะแสวงหาและนมัสการพระเจ้า อีสเตอร์เป็นเทศกาลแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ.

หลักข้อเชื่อของอัครธรรมทูต


ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเจ้า พระบิดาผู้ทรงฤทธิ์ที่สุด ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระบิดา ทรงปฏิสนธิ์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงกำเนิดจากมารีสาวหรมจารีทรงทนทุกข์ทรมานในสมัยปอนทิอัส ปีลาตปกครองทรงถูกตรึงที่กางเขนแล้วมรณา ทรงถูกบรรจุไว้ในอุโมงเสด็จลงสู่แดนมรณาในวันที่สามทรงคืนพระชนม์ พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ประทับ ณ.เบื้องขวาของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิที่สุด จากที่นั่นพระองค์จะเสด็จมาพิพากษาคนเป็นและคนตาย ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเชื่อมั่นในสากลคริสตจักรบริสุทธิ์ ในการร่วมสมานฉันท์ระหว่างธรรมิกชน การอภัยโทษบาป การที่กายคืนชีพ และ สมบูรณ์ชีพนิรันดร์ อาเมน

คำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์


ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่สักการะ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นอย่างนั้นในแผ่นดินโลก ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้ และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย เหตุว่าราชอำนาจและฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน